๑.วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
จำปา ๔ ต้น
ต้นดอกจำปา
(จำปา) น. ต้นลั่นทม ในภาษาลาวและภาษาถิ่นอีสาน
เรียกว่า ต้นจำปา เป็นไม้ดอกยืนต้น มีดอกหลายสี หลายสายพันธุ์
เป็นดอกไม้ประจำชาติลาว
คำว่า จำปา ๔ ต้น เป็นชื่อวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน
ที่มาจากชื่อของพืช ที่มีลำต้นไม่ใหญ่มาก ลักณะแตกกิ่งเป็นพุ่ม ดอกมีกลิ่นหอม
และสีแตกต่างกันทั้ง ๔ ต้น เกิดจากการนำศพของกุมารผู้มีบุญญาบาระมีทั้ง ๔ องค์ไปเผา
บริเวณนั้นจึงเกิดมีต้นจำปาเกิดขึ้น ๔ ต้น ลำต้นสมบูรณ์สวยงาม
และมีสีแตกต่างกันตามลำดับ คือ ต้นที่ ๑ สีขาวอ่อนบริสุทธิ์ ต้นที่ ๒ สีเหลือง
ต้นที่ ๓ สีนิล ต้นที่ ๔ สีแดง จึงเป็นที่มาของวรรณกรรมเรื่อง จำปา ๔ ต้น
อันเป็นมรดกล้ำค่าของชาวอีสาน
๒. แก่นเรื่อง
คนที่กระทำสิ่งดีย่อมได้ผลดีตอบแทน
คนกระทำสิ่งไม่ดีผลที่ได้ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้ (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)
๓.โครงเรื่อง
การเปิดเรื่อง
-นำเข้าสู่เรื่อง
หรือเปิดเรื่องด้วยบทไหว้ครู แล้วกล่าวถึงนครปัญจา มีกษัตริย์ปกครองคือ ท้าวจุลณี
มีมเหสีชื่อนางอัคคี และนครจักขิณ กษัตริย์ปกครองคือ ท้าวจักขิณ มีมเหสี
และมีบุตรตรีชื่อ นางปทุมมา (นางคำกอง)
การดำเนินเรื่อง
-มีผีฮุ้ง
(แร้งยักษ์) สองผัวเมียบินมาจับกินชาวจักขินเป็นอาหารจนตายสิ้นทั้งเมือง
เหลือแค่นางปัดทุมมา (คำกอง) ที่ก่อนท้าวจักขินตายได้เอานางไปซ่อนไว้ในกลองนางจึงรอดชีวิต
-เทวดาดลใจให้ท้าวจุลณีหลงป่าไปถึงนครจักขิน
จนไปพบนางปทุมมาอยู่ในกลอง จึงเปลี่ยนชื่อว่า นางคำกอง และพากลับปัญจานคร
แต่งตั้งให้เป็นมเหสีฝ่ายซ้าย
การผูกปม / จุดวิกฤต
-พระอินทร์สั่งเทวบุตรทั้ง
๔ มาเกิดในท้องนางคำกอง นางอัคคีมเหสีเอกเกิดความอิจฉาริษยา
นำเอาสุนัขมาแทนกุมารทั้ง ๔ และเอากุมารทั้ง ๔ ใส่ไหถ่วงน้ำ ท้าวจุลณีเข้าใจผิด
จึงเนรเทศนางคำกองไปเป็นทาสเลี้ยงหมู
-ปู่ ย่า
เฝ้าสวนพบกุมารทั้ง ๔ จึงนำมาเลี้ยง นางอัคคีรู้ข่าวจึงให้ทาสีนำขนมผสมยาพิษไปให้กุมารทั้ง
๔ กินจึงถึงแก่ความตาย กุมารทั้ง ๔ จึงไปเกิดเป็นจำปา ๔ ต้น
นางอัคคีจึงได้สั่งคนไปโค่นและนำไปทิ้งลงน้ำ
-ฤาษีตาไฟจึงได้นำต้นจำปาทั้ง
๔ มาชุปชีวิตกลายเป็นคน และตั้งชื่อให้ว่า เสตราช ปิตราช สุวรรณราช และเพรชราช
หลังจากนั้นพระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นพราหมณ์นำเรือสำเภาพากุมารทั้ง ๔
ไปช่วยนางคำกอง
-ระหว่างการเดินทางกุมารทั้ง
๔ ได้แสดงฝีมือสู้รบกับยักษ์และมนุษย์ชนะ ได้ครอบครองเมืองทั้ง ๓ และได้ธิดาของเมืองต่างๆ
เป็นชายา
การปิดเรื่อง / การคลายปม
-กุมารทั้ง ๔
เดินทางถึงปัญจานคร ช่วยนางคำกอง ได้พบกับบิดา และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นางอัคคีได้รับโทษไปเป็นทาสเลี้ยงหมูตลอดชีวิตแทนนางคำกอง
-ภุมารทั้ง ๓
ลากลับไปหาชายา และครองเมืองของตน ท้าวเพรชราชครองเมืองปัญจานคร ท้าวเพรชราชเดินป่าหาคู่ครอง
ผ่านไปที่เมืองจักขิณ จึงได้ใช้นิ้วเพรชชุปชีวิตชาวเมืองจักขิณกลับคืนมาทั้งหมด
และได้ชายา 2 องค์ คือ นางปทุมเกษร และนางอัสมาลา ได้โอรส 2 องค์ วรรณไกรสร
และอัสราชกุมาร
-ท้าวเพรชราชพาชายาทั้งสอง
และโอรสกลับไปที่เมืองปัญจานคร ระหว่างทางได้พบพี่ทั้ง ๓ พร้อมโอรส
จึงพร้อมกันเข้าเฝ้าท้าวจุลณี และท้าวจุลละนีพานางคำกอง โอรส
สะใภ้และหลานเดินทางไปเยี่ยมท้าวจักขิณ แล้วทุกคนจึงลากลับเมืองของตน และครองบ้านเมืองอย่างมีความสุข
(อมรรัตน์ คำอยู่)